"ลัดดาแลนด์"
หากใคร เคยเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ หรือ เป็นชาวเชียงใหม่ ที่เคยผ่านเส้นทาง "คลองชลประทาน" ทางฝั่งศูนย์ราชการจังหวัด และสนามกีฬาสมโภช 700 ปี คงจะผ่านตากับที่ดินรกร้างข้างทางปกคลุมด้วยไม้หญ้า ท่ามกลางบรรยากาศรก ๆ น่ากลัว ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 4 ของถนนสายห้วยแก้ว อยู่ห่างจากสี่แยกห้วยแก้วซึ่งจะสามารถไปมหาวิยาลัยเชียงใหม่ราว 2 กิโลเมตร ...ที่มีชื่อว่า.. "ลัดดาแลนด์"จะพบว่าที่รกร้างนั้น คือสถานที่ "เฮี้ยน" ...อาถรรพ์ที่สุดล่อหลอกวัยรุ่นจำนวนมาก มาลองความกล้า เพื่อท้าพิสูจน์ผีกันมากที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคำพูดเปรียบเปรยกันในหมู่เด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่มีความกล้าแล้วบ้าบิ่นว่า "หากใครที่ชอบเรื่องผี ไม่มาลัดดาแลนด์ก็แสดงว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่ !?"
ลัดดาแลนด์ จึงเป็น "ความทรงจำอันงดงาม" ของชาวเชียงใหม่ในยุค 2520 ด้วยโครงการจัดสรรอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงท่านหนึ่ง อ้างกันว่าคือ "คุณนายลัดดา" นักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามีของท่านคือนายทหารผู้เป็นเจ้าของกิจการ "โรงหนังเวียงพิงค์"
ด้วยการเล็งเห็นศักยภาพของที่ดินรกร้างผืนใหญ่อยู่ใกล้ "ทางขึ้นดอยสุเทพ" พื้นที่ผืนนี้จึงถูกพัฒนาให้เป็น "อุทยานการท่องเที่ยวขนาดใหญ่" ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในยุดนั้นยังไม่มีสถานที่ใดโดดเด่นเท่า
แล้วโครงการขนาดใหญ่ที่ครองใจผู้คนในยุคนั้นก็เกิดขึ้น ด้วยการจัดศูนย์แสดงสาธิต ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งพิพิธภัณฑ์ชาวเขาการทำเครื่องเขิน การแกะสลักไม้ การทอผ้าไหม การแสดงฟ้อนรำต่าง ๆ ภายใต้การควบคุมของคณะ วัดเจ้าพ่อเม็งราย อันโด่งดังรวมไปถึงมัดใจเด็ก ๆ และครอบครัว ด้วยการให้บริการ ช้าง ม้า และรถไฟเล็กให้นั่ง ด้วยค่าบริการปนะมาณ 8 หรือ 10 บาท
เจ้าของคือ คุณนายลัดดา พันธาภา เล่ากันว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตของวัยรุ่นสมัยนั้นจะไปออกเดทกันเพราะมีความเชื่อว่าคู่ไหนไปอธิฐานขอความรักกับต้นไทรหน้าลัดดาแลนด์แล้วคู่นั้นจะได้รักกันไปตลอดชีวิต
ส่วนหมู่บ้านนั้นทั้งหมดล้วนเป็นคนที่มีฐานะดีทั้งนั้นที่เข้าไปอยู่เรียกว่าหมู่บ้านเศรษฐีแต่เรื่องมาเกิดตอนที่บ้านหลังหนึ่งแล้วโดนคนร้ายฆ่าตายยกบ้านแล้วเรื่องสยองก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้เพราะคนที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านหลังนี้
บางทีก็ได้ยินเสียงร้องไห้ บ้างก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะ และที่เจอกันจนอยู่ไม่ได้คือคนแถวนั้นจะเห็นครอบครัวที่ตายนั้นบางทีก็ออกมายืนหน้าบ้าน ออกมารดน้ำต้นไม้ คนที่ผ่านไปมาโดนหลอกทุกคน ทำให้ตอนเที่ยงคืนจนถึงเช้าไม่มีใครที่จะกล้าออกจากบ้านเลย
นานวันเข้ายิ่งเฮี้ยนหนักมาหลอกถึงบ้าน คนแถวนั้นอยู่ไม่ไหวเลยพากันย้ายออกกันไปเกือบหมด ทำให้แถวนั้นกลายเป็นบ้านร้างเยอะแต่ยังมีบ้านอีก 3 หลังที่ยังไม่ไปไหนและ 1 ใน 3 หลังนั้นเจ้าของเป็นฝรั่งไม่ค่อยได้อยู่จะบินมาเที่ยวเฉพาะฤดูหนาวเพราะเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมาก
เลยจ้างเด็กสาวพม่ามาเฝ้าบ้านแต่ผ่านไปไม่นานก็มีโจรมาขึ้นบ้านหลังนั้นฆ่า เด็กสาวคนนั้นแล้วหมกศพไว้ในห้องเก็บของใต้บันได กว่าจะมาพบก็ผ่านไปเกือบ 2 เดือนและที่มาพบได้เพราะบ้านที่ยังเหลืออยู่ใกล้ๆกันได้กลิ่นเหม็นเน่า โชยออกมาจากในบ้านแต่ก็ไม่ได้สงสัยเพราะยังเห็นเด็กสาวคนนี้ยังคงมานั่งอยู่ ที่ระเบียงหน้าบ้านทุกวัน
จนวันหนึ่งทนไม่ไหวเลยบอกว่าให้ทำความสะอาดเพราะอาจจะมีหนูตายแค่นั้นแหละ เด็กสาวหันหน้ามาแบบเละๆเลยไปแจ้งความและแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบเปิดเข้าไป ดูเลยพบแต่ถึงจะพบแล้วเด็กคนนี้ก็ยังคงนั่งอยู่เดิมทุกวัน แต่ถ้านั่งธรรมดาไม่มายุ่งคงจะดีเห็นคนนั้นบอกว่าบางทีก็มายืนมองที่ หน้าต่างตอนนอนกลางคืนด้วยเลยย้ายออกไม่เสียดายแล้วบ้าน
ส่วนหมู่บ้านนั้นทั้งหมดล้วนเป็นคนที่มีฐานะดีทั้งนั้นที่เข้าไปอยู่เรียกว่าหมู่บ้านเศรษฐีแต่เรื่องมาเกิดตอนที่บ้านหลังหนึ่งแล้วโดนคนร้ายฆ่าตายยกบ้านแล้วเรื่องสยองก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้เพราะคนที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านหลังนี้
บางทีก็ได้ยินเสียงร้องไห้ บ้างก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะ และที่เจอกันจนอยู่ไม่ได้คือคนแถวนั้นจะเห็นครอบครัวที่ตายนั้นบางทีก็ออกมายืนหน้าบ้าน ออกมารดน้ำต้นไม้ คนที่ผ่านไปมาโดนหลอกทุกคน ทำให้ตอนเที่ยงคืนจนถึงเช้าไม่มีใครที่จะกล้าออกจากบ้านเลย
นานวันเข้ายิ่งเฮี้ยนหนักมาหลอกถึงบ้าน คนแถวนั้นอยู่ไม่ไหวเลยพากันย้ายออกกันไปเกือบหมด ทำให้แถวนั้นกลายเป็นบ้านร้างเยอะแต่ยังมีบ้านอีก 3 หลังที่ยังไม่ไปไหนและ 1 ใน 3 หลังนั้นเจ้าของเป็นฝรั่งไม่ค่อยได้อยู่จะบินมาเที่ยวเฉพาะฤดูหนาวเพราะเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมาก
เลยจ้างเด็กสาวพม่ามาเฝ้าบ้านแต่ผ่านไปไม่นานก็มีโจรมาขึ้นบ้านหลังนั้นฆ่า เด็กสาวคนนั้นแล้วหมกศพไว้ในห้องเก็บของใต้บันได กว่าจะมาพบก็ผ่านไปเกือบ 2 เดือนและที่มาพบได้เพราะบ้านที่ยังเหลืออยู่ใกล้ๆกันได้กลิ่นเหม็นเน่า โชยออกมาจากในบ้านแต่ก็ไม่ได้สงสัยเพราะยังเห็นเด็กสาวคนนี้ยังคงมานั่งอยู่ ที่ระเบียงหน้าบ้านทุกวัน
จนวันหนึ่งทนไม่ไหวเลยบอกว่าให้ทำความสะอาดเพราะอาจจะมีหนูตายแค่นั้นแหละ เด็กสาวหันหน้ามาแบบเละๆเลยไปแจ้งความและแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบเปิดเข้าไป ดูเลยพบแต่ถึงจะพบแล้วเด็กคนนี้ก็ยังคงนั่งอยู่เดิมทุกวัน แต่ถ้านั่งธรรมดาไม่มายุ่งคงจะดีเห็นคนนั้นบอกว่าบางทีก็มายืนมองที่ หน้าต่างตอนนอนกลางคืนด้วยเลยย้ายออกไม่เสียดายแล้วบ้าน
มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการเสียชีวิตเอาคร่าวๆดังนี้
2. ช่วงก่อนที่จะสร้างสวนสาธารณะนี้เสร็จ ตอนที่ขุดหลุมเพื่อที่จพทำบ่อน้ำได้พบกับโครงกระดูกอยู่แต่ไม่ยอมเปิดเผยให้ทราบกัน
3. เมื่อ 10 กว่าปีก่อนสถานที่แถวนั้นเป็นที่เปลี่ยวเลยมีการนำศพคนตายที่ถูกปล้น หรือถูกข่มขืนมาทิ้งไว้ที่นั้นที่รู้อย่างน้อยๆก็ 8 ศพแต่ที่ไม่รู้อีกน่าจะเยอะ
4. มีหญิงสาวและหญิงขายบริการหลายที่ทำแท้งแล้วนำซากเด็กไปทิ้งไว้ในสระน้ำนั้นเป็นจำนวนมากหลายคนบอกว่ามากกว่า 100 เลยทีเดียว
5. มีขี้ยาคนหนึ่งพี้ยาเกินขนาดแล้วเกิดช็อคตายคาศาลาที่ริมสระน้ำนั้นกว่าจะมี คนมาพบก็เน่าหมดแล้ว แต่เขาบอกว่าที่ช็อคเพราะโดนเอาไปเป็นตัวตายตัวแทนมากกว่า เพราะกัญชายังเหลืออยู่ข้างๆศพอีกเยอะเลย
6. มีการนำศาลพระภูมิรวมถึงตุ๊กตาสะเดาะเคาระห์มาทิ้งไว้เป็นจำนวนมากจนทาง เทศบาลมารื้อไปทิ้งไว้นอกเมือง แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จเพราะถึงจะย้ายไปไกลแค่ไหนวันรุ่งขึ้นก็จะกลับมาที่ เดิม
7. มีหญิงสาวที่มาขอความรักกับต้นไทรแล้วผิดหวังในความรัก เลยมากินยาฆ่าแมลง ตายใต้ต้นไทรหน้าหมู่บ้านโดยที่ทิ้งจดหมายไว้สั้นๆว่า "จะอยู่ข้างๆเธอตลอดไป"
ทางเข้าลัดดาแลนด์
ศาลพระภูมิที่อยู่ในลัดดาแลนด์
ต้นไทรที่ลือว่ามีหนุ่มสาวมาผูกคอตายที่นี่
ประตูทางเข้าออก ในอดีตที่นี่ถือว่าเป็นที่ที่น่าเที่ยวที่สุดของคนเชียงใหม่ ปัจจุบันไม่มีสิ่งไหนยืนอยู่เหนือกาลเวลาได้
สะพานเก่า
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก
สยองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :p
ตอบลบน่ากัวๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบต้องไปลองคับ ไปมาแล้ว สุดๆๆๆๆ
ตอบลบ