ผู้ติดตาม

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

"ลัดดาแลนด์" คือแดนที่ผีดุที่สุดในเชียงใหม่ จริงหรือ ??

"ลัดดาแลนด์"

หากใคร คยเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ หรือ เป็นชาวเชียงใหม่ ที่เคยผ่านเส้นทาง "คลองชลประทาน" ทางฝั่งศูนย์ราชการจังหวัด และสนามกีฬาสมโภช 700 ปี คงจะผ่านตากับที่ดินรกร้างข้างทางปกคลุมด้วยไม้หญ้า ท่ามกลางบรรยากาศรก ๆ น่ากลัว ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 4 ของถนนสายห้วยแก้ว อยู่ห่างจากสี่แยกห้วยแก้วซึ่งจะสามารถไปมหาวิยาลัยเชียงใหม่ราว     2 กิโลเมตร ...ที่มีชื่อว่า.. "ลัดดาแลนด์"จะพบว่าที่รกร้างนั้น คือสถานที่ "เฮี้ยน" ...อาถรรพ์ที่สุดล่อหลอกวัยรุ่นจำนวนมาก มาลองความกล้า เพื่อท้าพิสูจน์ผีกันมากที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคำพูดเปรียบเปรยกันในหมู่เด็ก ๆ หรือวัยรุ่นที่มีความกล้าแล้วบ้าบิ่นว่า  "หากใครที่ชอบเรื่องผี ไม่มาลัดดาแลนด์ก็แสดงว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่ !?" 
       ลัดดาแลนด์ จึงเป็น "ความทรงจำอันงดงาม" ของชาวเชียงใหม่ในยุค 2520 ด้วยโครงการจัดสรรอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงท่านหนึ่ง อ้างกันว่าคือ "คุณนายลัดดา"  นักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามีของท่านคือนายทหารผู้เป็นเจ้าของกิจการ "โรงหนังเวียงพิงค์"
  ด้วยการเล็งเห็นศักยภาพของที่ดินรกร้างผืนใหญ่อยู่ใกล้ "ทางขึ้นดอยสุเทพ" พื้นที่ผืนนี้จึงถูกพัฒนาให้เป็น "อุทยานการท่องเที่ยวขนาดใหญ่" ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในยุดนั้นยังไม่มีสถานที่ใดโดดเด่นเท่า
     แล้วโครงการขนาดใหญ่ที่ครองใจผู้คนในยุคนั้นก็เกิดขึ้น ด้วยการจัดศูนย์แสดงสาธิต ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งพิพิธภัณฑ์ชาวเขาการทำเครื่องเขิน การแกะสลักไม้ การทอผ้าไหม การแสดงฟ้อนรำต่าง ๆ ภายใต้การควบคุมของคณะ วัดเจ้าพ่อเม็งราย อันโด่งดังรวมไปถึงมัดใจเด็ก ๆ และครอบครัว ด้วยการให้บริการ ช้าง ม้า และรถไฟเล็กให้นั่ง ด้วยค่าบริการปนะมาณ 8 หรือ 10 บาท
 เจ้าของคือ คุณนายลัดดา พันธาภา  เล่ากันว่าเป็นสถานที่ยอดฮิตของวัยรุ่นสมัยนั้นจะไปออกเดทกันเพราะมีความเชื่อว่าคู่ไหนไปอธิฐานขอความรักกับต้นไทรหน้าลัดดาแลนด์แล้วคู่นั้นจะได้รักกันไปตลอดชีวิต
   ส่วนหมู่บ้านนั้นทั้งหมดล้วนเป็นคนที่มีฐานะดีทั้งนั้นที่เข้าไปอยู่เรียกว่าหมู่บ้านเศรษฐีแต่เรื่องมาเกิดตอนที่บ้านหลังหนึ่งแล้วโดนคนร้ายฆ่าตายยกบ้านแล้วเรื่องสยองก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้เพราะคนที่อยู่ใกล้ๆกับบ้านหลังนี้
   บางทีก็ได้ยินเสียงร้องไห้ บ้างก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือหรือบางครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะ และที่เจอกันจนอยู่ไม่ได้คือคนแถวนั้นจะเห็นครอบครัวที่ตายนั้นบางทีก็ออกมายืนหน้าบ้าน ออกมารดน้ำต้นไม้ คนที่ผ่านไปมาโดนหลอกทุกคน ทำให้ตอนเที่ยงคืนจนถึงเช้าไม่มีใครที่จะกล้าออกจากบ้านเลย
   นานวันเข้ายิ่งเฮี้ยนหนักมาหลอกถึงบ้าน คนแถวนั้นอยู่ไม่ไหวเลยพากันย้ายออกกันไปเกือบหมด ทำให้แถวนั้นกลายเป็นบ้านร้างเยอะแต่ยังมีบ้านอีก 3 หลังที่ยังไม่ไปไหนและ 1 ใน 3 หลังนั้นเจ้าของเป็นฝรั่งไม่ค่อยได้อยู่จะบินมาเที่ยวเฉพาะฤดูหนาวเพราะเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมาก
    เลยจ้างเด็กสาวพม่ามาเฝ้าบ้านแต่ผ่านไปไม่นานก็มีโจรมาขึ้นบ้านหลังนั้นฆ่า เด็กสาวคนนั้นแล้วหมกศพไว้ในห้องเก็บของใต้บันได กว่าจะมาพบก็ผ่านไปเกือบ 2 เดือนและที่มาพบได้เพราะบ้านที่ยังเหลืออยู่ใกล้ๆกันได้กลิ่นเหม็นเน่า โชยออกมาจากในบ้านแต่ก็ไม่ได้สงสัยเพราะยังเห็นเด็กสาวคนนี้ยังคงมานั่งอยู่ ที่ระเบียงหน้าบ้านทุกวัน
     จนวันหนึ่งทนไม่ไหวเลยบอกว่าให้ทำความสะอาดเพราะอาจจะมีหนูตายแค่นั้นแหละ เด็กสาวหันหน้ามาแบบเละๆเลยไปแจ้งความและแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบเปิดเข้าไป ดูเลยพบแต่ถึงจะพบแล้วเด็กคนนี้ก็ยังคงนั่งอยู่เดิมทุกวัน แต่ถ้านั่งธรรมดาไม่มายุ่งคงจะดีเห็นคนนั้นบอกว่าบางทีก็มายืนมองที่ หน้าต่างตอนนอนกลางคืนด้วยเลยย้ายออกไม่เสียดายแล้วบ้าน
มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับการเสียชีวิตเอาคร่าวๆดังนี้

1. มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมากและมาอธิฐานขอให้ความรักสมหวังกับต้นไทรแต่ แล้วพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอมรับฝ่ายชายทั้งสองเลยมาแควนคอตายคู่กันที่ใต้ต้น ไทรนั้น...เขาบอกว่าทุกวันที่ทั้งคู่ผูกคอตายวนมาจนครบรอบ(ซึ่งผมก็ไม่รู้ วันไหน) คนแถวนั้นจะเห็นทั้งคู่ห้อยโตงเตงพร้อมกับส่งยิ้มมาให้

2. ช่วงก่อนที่จะสร้างสวนสาธารณะนี้เสร็จ ตอนที่ขุดหลุมเพื่อที่จพทำบ่อน้ำได้พบกับโครงกระดูกอยู่แต่ไม่ยอมเปิดเผยให้ทราบกัน

3. เมื่อ 10 กว่าปีก่อนสถานที่แถวนั้นเป็นที่เปลี่ยวเลยมีการนำศพคนตายที่ถูกปล้น หรือถูกข่มขืนมาทิ้งไว้ที่นั้นที่รู้อย่างน้อยๆก็ 8 ศพแต่ที่ไม่รู้อีกน่าจะเยอะ

4. มีหญิงสาวและหญิงขายบริการหลายที่ทำแท้งแล้วนำซากเด็กไปทิ้งไว้ในสระน้ำนั้นเป็นจำนวนมากหลายคนบอกว่ามากกว่า 100 เลยทีเดียว

5. มีขี้ยาคนหนึ่งพี้ยาเกินขนาดแล้วเกิดช็อคตายคาศาลาที่ริมสระน้ำนั้นกว่าจะมี คนมาพบก็เน่าหมดแล้ว แต่เขาบอกว่าที่ช็อคเพราะโดนเอาไปเป็นตัวตายตัวแทนมากกว่า เพราะกัญชายังเหลืออยู่ข้างๆศพอีกเยอะเลย

6. มีการนำศาลพระภูมิรวมถึงตุ๊กตาสะเดาะเคาระห์มาทิ้งไว้เป็นจำนวนมากจนทาง เทศบาลมารื้อไปทิ้งไว้นอกเมือง แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จเพราะถึงจะย้ายไปไกลแค่ไหนวันรุ่งขึ้นก็จะกลับมาที่ เดิม

7. มีหญิงสาวที่มาขอความรักกับต้นไทรแล้วผิดหวังในความรัก เลยมากินยาฆ่าแมลง ตายใต้ต้นไทรหน้าหมู่บ้านโดยที่ทิ้งจดหมายไว้สั้นๆว่า "จะอยู่ข้างๆเธอตลอดไป" 

ทางเข้าลัดดาแลนด์

ศาลพระภูมิที่อยู่ในลัดดาแลนด์

ต้นไทรที่ลือว่ามีหนุ่มสาวมาผูกคอตายที่นี่

ประตูทางเข้าออก ในอดีตที่นี่ถือว่าเป็นที่ที่น่าเที่ยวที่สุดของคนเชียงใหม่ ปัจจุบันไม่มีสิ่งไหนยืนอยู่เหนือกาลเวลาได้

สะพานเก่า



ขอขอบคุณบทความดีๆจาก 

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

วันนี้ดิฉันมีภาพถ่ายติดวิญญาณมาให้ชมกัน  โปรดใช้วิจารณญานในการรับชมด้วยนะค่ะ  ^^
















ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก  http://www.showded.com/photos/displayphoto.php?abId=1017


วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

ทำไมคนเรา...จึงกลัว.."ผี"..

       


โดยส่วนตัวคิดว่า คนเรา กลัวความตาย  ผีก้อคือวิญญาณคนที่

ตายแล้ว เมื่อเห็นผีก้อเหมือนเห็น อีกรูปหนึ่ง ของความตาย... เราก้อ

เลยกลัวผี......โดยเฉพาะสิ่งที่เราไม่รู้ได้เลยว่าเราจะรับมือกับมัน

อย่างไร..... เเละตัวเราจะปลอดภัยจากมันได้รึป่าว  นี่ละที่เรากลัวกัน

เพราะมนุษย์กลัว 3  อย่างต่อไปนี้

1. ความตาย
          ไม่ใช่แค่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งที่ชีวิตทุกชีวิตกลัว ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือกระทั่งพืช เรื่องนี้มันอยู่ในสายเลือดของเรา
ใครบอกว่าไม่กลัวตาย แสดงว่าคนๆนั้นโกหก หรือความกลัวนั้นอยู่ควบคู่กับความชอบ ความตื่นเต้นเลยไม่ได้ตระหนักว่าจริงๆแล้วเขายังกลัวความตายอยู่

2. ความไม่รู้
     มนุษย์ตั้งแต่โบราณกาลแล้ว กลัวสิ่งที่ไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ หรือสิ่งที่เหนือเกินความเข้าใจของเขาอดังนั้นเพื่อลบความกลัวนี้ จึงพยายามหาสิ่งมาอธิบายสิ่งที่ไม่รู้เหล่านั้นของพกเขา เช่นตำนานเทพเจ้า หรือเทพยาดาทั้งหลายหรือกระทั่งในปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ก้คือส่วนหนึ่งของการลบการกลัวของความไม่รู้ในมนุษย์ด้วยเช่นกัน

3. อนาคต และการเปลี่ยนแปลง
          เกี่ยวเนื่องกับข้อสอง อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่ไม่นอนคาดเดาไม่ได้ ดังนั้นมนุษย์จึงกลัวอนาคตอยู่เสมอหากเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในข้างหน้า  เนื่องจากเหตุนี้นี่เอง มนุษย์จึงเกลียดการเปลี่ยนแปลง เพราะเขาไม่อาจจะรู้ได้ว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้ามันจะเป็นอะไร แม้สิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมันจะดีกว่าเดิมก็ตาม


ผี คือสิ่งที่รวมของสามสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็น....  ความตายของสิ่งมีชีวิต 
สิ่งที่มนุษย์ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรมีอันตรายกับเราหรือไม่อย่างไร 
และอนาคตอันไม่อาจรู้ได้ของมนุษย์แต่ละคน
มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มนุษย์จะกลัวผี



 ขอขอบพระคุณข้อความดีจาก : http://my.dek-d.com/bloody_rabbit/blog/?blog_id=243038#ixzz1Azl6JnGa